TOON’S JOURNEYS
A personal sphere of free speech, uniting stories of life and thoughts on the world around me.
ผู้ดี(ย์) อีดอกทอง และสังคมก้าวหน้า(กี่โมง?)
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ ฉันรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นหลากหลายภาคส่วนในสังคมไทยออกมารณรงค์เกี่ยวกับโรคซึมเศร้าและสุขภาวะทางจิตอย่างกว้างขวาง สาเหตุของปรากฎการณ์นี้ก็ไม่พ้นการที่ “คำผกา” หรือ ลักขณา ปันวิชัย พิธีกรฝีปากแซ่บที่มักถูกวิจารณ์ว่าถ้อยคำและท่าทีของเธอหยาบโลน ถ่อย เถื่อน ได้ไปล้อเลียน ส.ส.สิริลภัส กองตระการ จากพรรคประชาชน ขณะขานชื่อ “นายอนุทิน” จากพรรคภูมิใจไทยให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ของประเทศไทย ในประเด็นที่ส.ส.ท่านนี้เป็นโรคซึมเศร้าและเคยร่ำไห้ในสภาระหว่างการอภิปรายเรื่องการขอเพิ่มงบประมาณและยกระดับสิทธิการรักษาของผู้ป่วยจิตเวช หลังจากคลิปรีแอคชันของคำผกากลายเป็นไวรัล ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ก่นด่าการกระทำของเธอนับไม่ถ้วน พร้อมย้ำว่า “ปัญหาเรื่องสุขภาวะทางจิตนั้นมีความซีเรียส ไม่ควรนำมาใช้ล้อเลียน ดูถูก หรือบุลลีใคร” (อ้างอิงคลิปล้อเลียน การตอบกลับโดยผู้ถูกล้อเลียน และคำชี้แจงจากคำผกา โดยรายการเรื่องเล่าเช้านี้ https://www.youtube.com/watch?v=M6mdCmaRoQs) เพียงแต่ประเด็นยังไม่จบเพียงแค่นั้น เมื่อส.ส.สิริลภัสออกมาโพสต์กระทบกระเทียบคำผกาใน X (หรือทวิตเตอร์) ใจความว่า คำผกา “น่าจะเข้าข่ายพวก Schizophrenia หรือจิตเภท” จนเป็นที่น่าฉงนว่า ทำไมคนที่ทำงานขับเคลื่อนเรื่องนี้จึงทำพฤติกรรมที่ย้อนแย้งกับสิ่งที่ตนรณรงค์ซะเอง ทั้งการวินิจฉัยโรคออนไลน์ที่แม้แต่จิตแพทย์ก็คงไม่กล้าทำ และการนำลักษณะด้านลบของโรคมาใช้แปะป้ายผู้อื่น แม้ภายหลังส.ส.สิริลภัสจะออกมาลบข้อความนั้นไปพร้อมขอโทษ แต่เป็นเพราะ “ข้อมูลคลาดเคลื่อน/ไม่ถูกต้อง” เสียมากกว่า ใน Facebook ส.ส.สิริลสภัสก็ได้ออกมายืดอกยอมรับอย่างกล้าหาญว่าตนเป็นโรคซึมเศร้า และพูดถึงคุณูปการของคนที่ร่วม “รณรงค์กันแทบตายว่าอย่าตีตรา…” ที่ในอีกสองบรรทัดถัดมา […]
ใครถาม? Nobody asked you to write this crap.
และแล้วฉันก็ได้ลงมือเขียน blog ของตัวสักที หลังจากพ้นพายุเบญจเพสมาสักพัก บวกกับเรี่ยวแรงที่พอมีเหลืออยู่บ้าง ฉันไม่คิดจะประวิงเวลาออกไปให้นานกว่านี้แล้ว ว่ากันว่าสิ่งที่ยากที่สุดในการทำอะไรสักอย่าง คือการเริ่มลงมือทำ ฉันเองก็เอาแต่พูดว่า “ไว้ค่อยเขียนแบบเรียบเรียงดี ๆ ลง blog อีกที” โดยมีจุดประสงค์หลักคือ ฉันอยากรวบรวมข้อถกเถียง ความคิดเห็น และสิ่งที่ตัวเองตกตะกอนได้ ซึ่งกระจายไปตามแพลตฟอร์มต่าง ๆ มาไว้ในที่เดียวกันอย่างเป็นระบบ เพื่อจะได้ย้อนกลับไปดูง่ายขึ้น และไม่ต้องคอยพูดหรืออธิบายซ้ำในเรื่องเดิม ๆ บ่อยนัก (อาจใช้เวลาสักพักเพราะฉันยังไม่คุ้นกับระบบนี้เท่าไร) ส่วนจุดประสงค์รองคือ ฉันคิดว่าตัวเองควรถอยออกมาเป็นผู้สังเกตการณ์และออกไปหาความรู้เพิ่มเติมเพื่อขยับขยายเส้นขอบฟ้าทางความคิดของตัวเองบ้างได้แล้ว หลังจากผ่านการโดนทัวร์ลงมานับไม่ถ้วนตั้งแต่ช่วงเวลาก่อนรัฐประหารปี 57 จนถึงเร็ว ๆ นี้ (และเรื่องแรกที่ฉันโดนด่าจากการแสดงความเห็นบนพื้นที่ออนไลน์ เพราะฉันดันไปโพสต์ตั้งคำถามว่า “ทำไมพอถึงวันพ่อ เราต้องไปร่วมงานวันพ่อ แทนที่จะได้กลับไปหาพ่อตัวเอง” ซึ่งตอนนั้นฉันอยู่ชั้นม.1 และถามเพราะสงสัยจริง ๆ ในฐานะเด็กต่างจังหวัดที่อยากกลับบ้านไปหาพ่อ ฉันยังเก็บโพสต์นั้นไว้อยู่ ไว้จะค่อยมาเล่าสู่กันฟังในบทความต่อ ๆ ไป) แต่จนแล้วจนรอดฉันก็มักแพ้แรงกระตุ้นแบบฉาบฉวยที่ทำให้ฉันไปร่วม (หรือบางทีก็เป็นคนสร้าง) บทสนทนาแบบ interactive ในประเด็นใหม่ ๆ ทั้งในโลกออนไลน์และโลก on site […]